
ในปัจจุบันเรานิยมนำพรมปูพื้นมาแต่งบ้านมากขึ้น เพื่อเพิ่มมิติให้บ้านที่นอกเหนือจากพื้นผิวบ้านทั่วไป พรมแต่งบ้านจึงมีลูกเล่นและลวดลายหลายแบบให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมและเข้ากับสไตล์การตกแต่งของบ้าน อย่างไรก็ตาม พรมปูพื้นห้องเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นพรมห้องรับแขก พรมห้องนอน หรือพรมที่เหมาะกับคนชิคแต่งบ้านอย่างพรมวินเทจ ก็ผลิตจากวัสดุมากมายให้เลือกเช่นกัน ซึ่งวัสดุที่ผลิตพรมที่ต่างกันก็จะมีวิธีการดูแลรักษาและความเหมาะสมในการใช้งานที่ต่างกันไปด้วย เรามาทำความรู้จักกับวัสดุที่ใช้ผลิตพรมปูพื้นห้องที่เรารู้จักกันดีว่ามีอะไรบ้าง ตามมาอ่านกันเลย
พรมปูพื้นจากวัสดุยอดฮิต แต่งบ้านยังไงก็ปัง
พรมปูพื้นนั้นทำมาจากวัสดุหลายชนิดด้วยกัน เรามาทำความรู้จักกับวัสดุต่าง ๆ ที่ใช้ทำพรมแต่งบ้านกัน จะได้รู้ว่าพรมแบบไหนที่ใช่สำหรับบ้านคุณ
- พรมไนลอน (Nylon) เป็นพรมที่นิยมใช้กันมากเพราะมีหลากหลายสี คุณสมบัติทนทานมากที่สุด สามารถกันน้ำ รอยขีดข่วน เชื้อรา และสารเคมีต่าง ๆ ได้ดีทั้งยังดูแลรักษาง่าย ส่วนราคานั้นก็ไม่แพงมาก แต่จะสูงกว่าพรมโพลีเอสเตอร์และโพลีโพรไพลีนเล็กน้อย เมื่อโดนแสงแดดเป็นเวลานานสีจะซีด มีอายุการใช้งานยาวนานประมาณ 12–15 ปี
- พรมโพลีโพรไพลีน (Polypropylene) พรมชนิดนี้ได้รับความนิยมรองลงมาจากพรมไนลอน มีคุณสมบัติป้องกันคราบสกปรกได้ดีที่สุด แต่พรมแต่งบ้านชนิดนี้จะกันน้ำได้ดีกว่า นอกจากนั้นยังป้องกันรอยขีดข่วนและเชื้อรา ทำความสะอาดง่าย เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องรับน้ำหนักมาก เช่น ห้องนั่งเล่น ใช้กับสนามกีฬาหญ้าเทียมก็ยังได้ ส่วนราคานั้นจะต่ำกว่าพรมขนสัตว์ ไนลอนและโพลีเอสเตอร์
- พรมโพลีเอสเตอร์ (Polyester) พรมชนิดนี้ให้ความรู้สึกที่หรูหรา นุ่มสบาย มีคุณสมบัติกันน้ำได้ดีที่สุด แต่ถ้าเป็นคราบสกปรกนั้นยังเป็นรองพรมไนลอนอยู่ แต่ข้อเสียของพรมชนิดนี้ก็มีเช่นกัน นั่นก็คือทำความสะอาดค่อนข้างยาก ไม่สามารถรองรับการใช้งานและน้ำหนักได้มากเหมือนพรมชนิดอื่น ๆ และสีจะซีดถ้าโดนแดดเป็นเวลานาน ฉะนั้นจึงเหมาะกับพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้งานหนัก เช่น ห้องนอน
- พรมโพลีเอทิลีน (Polyethylene) พรมชนิดนี้ถือว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะส่วนใหญ่แล้วพรมโพลีเอทิลีนจะทำมาจากฝาขวดรีไซเคิล ข้อดีของพรมชนิดนี้คือมีสีสดใสและมีพื้นผิวที่หลากหลาย มีคุณสมบัติป้องกันคราบมากกว่าไนลอน เนื่องจากทำมาจากพลาสติกจึงไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ราคาต่ำกว่าพรมขนสัตว์และไนลอน แต่สัมผัสที่ได้จะไม่ค่อยสบายสักเท่าไรเพราะทำมาจากพลาสติก
- พรมขนสัตว์ (Wool) พรมขนสัตว์เป็นพรมที่มีราคาสูงที่สุดเนื่องจากทำมาจากธรรมชาติ 100% มีความหรูหรา หนานุ่ม แข็งแรง ป้องกันคราบและรอยเปื้อนได้ดี ให้สัมผัสที่นุ่มสบายที่สุดในบรรดาชนิดของพรมทั้งหมด พรมขนสัตว์ค่อนข้างทนทานต่อการใช้งานและมีหลายสีให้เลือก แต่ข้อเสียคืออาจก่อให้เกิดภูมิแพ้ ดูแลทำความสะอาดยาก สีจะซีดถ้าโดนแดดและสารเคมีที่ใช้ทำความสะอาด และเมื่อใช้ไปสักระยะจะมีแมลงต่าง ๆ มาอาศัยอยู่ ฉะนั้นจึงต้องหมั่นทำความสะอาดเป็นประจำ
- พรมอะคริลิก (Acrylic) พรมอะคริลิกเป็นพรมที่ทำขึ้นมาเลียนแบบพรมขนสัตว์ มีลักษณะและสัมผัสคล้ายกับพรมขนสัตว์แต่ราคาจะถูกกว่ามาก ข้อดีของพรมชนิดนี้คือไม่ก่อให้เกิดไฟฟ้าสถิต กันความชื้น คราบสกปรก แต่จะไม่แข็งแรงทนทาน ไม่เหมาะกับการใช้งานหนัก
- พรมจากฝ้าย หรือที่รู้จักกันดีในนาม Cotton เป็นวัสดุธรรมชาติที่ได้มาจากผลฝ้ายที่มีเมล็ดข้างใน ซึ่งพอแตก ออกเส้นใยจะฟูเป็นก้อนเล็ก ๆ กระจุกอยู่ด้วยกัน ด้วยความที่เส้นใยมีความนุ่มเบาสบายจึงนิยมนำไปผลิตเครื่อง นุ่งห่ม เครื่องนอน และพรม มีข้อดีตรงที่ดูแลรักษาง่าย เพราะสามารถซักในเครื่องซักผ้าปกติ ที่สำคัญยังทน ความร้อนได้ดี แต่เมื่อเปียกจะมีน้ำหนักมากขึ้น จึงต้องตรวจตราความพร้อมของเครื่องซักผ้าก่อนนำลงซัก ข้อควรรู้อีกอย่างเกี่ยวกับฝ้ายคือเส้นใยจะหดตัวได้ จึงควรจับพรมทั้งผืนยืดออกหลังซักเสร็จ
- พรมจากใยมะพร้าว เป็นวัสดุธรรมชาติที่ได้จากการแยกเส้นใยออกมาจากเปลือกชั้นนอกของลูกมะพร้าว (กาบ มะพร้าว) ใยมะพร้าวมีความหยาบแข็งและกันน้ำได้ พรมใยมะพร้าวจึงมีความทนทานและเหมาะกับการใช้งาน ในพื้นที่ที่กรองฝุ่นหรือคราบสกปรกขั้นที่ 1 ได้แก่หน้าประตูบ้าน สำหรับดักฝุ่นจากรองเท้าก่อนเข้ามาในบ้าน
พรมปูพื้นที่ใช่ นอกจากดูที่วัสดุแล้วต้องดูสิ่งนี้ด้วย
เมื่อรู้จักวัสดุของพรมแต่งบ้านแต่ละชนิด และสามารถเลือกชนิดของพรมที่เหมาะใจได้แล้ว สีและสไตล์ของพื้นพรมเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน ซึ่งก่อนจะตัดสินใจเลือก ก็ควรต้องพิจารณาสิ่งเหล่านี้ด้วย ใช้งานบ่อยแค่ไหน ห้องที่จะปูพรมเป็นห้องที่จะใช้งานบ่อยแค่ไหน เพราะถ้าเป็นห้องในพื้นที่ส่วนกลาง ที่มีคนเดินเข้าออกเป็นว่าเล่น ก็ไม่เหมาะที่จะเลือกปูพรมสีขาว สีครีม และพรมสีอ่อนทุกชนิด
เด็กและสัตว์เลี้ยง ถ้ามีก็ต้องแคร์ ก่อนตัดสินใจซื้อพรมแต่งบ้านต้องสำรวจก่อนว่าห้องที่จะปูพรมจะมีเด็กหรือสัตว์เลี้ยงลงไปนั่งคลุกคลีอยู่หรือไม่ หรือจะเป็นห้องที่ใช้สำหรับรับแขกสำคัญของบ้านเพียงเท่านั้น เพราะถ้ามีเด็กหรือสัตว์เลี้ยง จะได้เลี่ยงปูพรมสีอ่อน แล้วมาปูพรมสีเข้ม พร้อมทั้งมีคุณสมบัติพิเศษในการป้องกันคราบเปื้อนและกลิ่นไม่พึงประสงค์แทน
ขนาดของห้อง สำหรับห้องกว้าง ๆ ควรจะเลือกปูพรมสีโทนกลาง หรือสีโทนเข้ม เพราะจะช่วยให้ห้องดูอบอุ่นขึ้น แต่ถ้าห้องแคบ ๆ ก็ควรจะเลือกพรมสีอ่อน ๆ มาปู เพื่อให้ห้องดูกว้างขึ้น
แสงสว่างของห้องที่จะปูพรมแต่งบ้าน ห้องที่มีแสงสว่างจากธรรมชาติส่องถึงอย่างสะดวก จะช่วยให้เห็นสีที่แท้จริงของพื้นพรมได้อย่างชัดเจนมากขึ้น แต่ในส่วนของบ้านที่อยู่ในทิศเหนือ ซึ่งเป็นมุมหลบแสง จะทำให้ห้องดูมืด จนทำให้สีของพรมดูหม่นลงไปได้อีก ซึ่งถ้าห้องที่ปูพรมเป็นห้องที่อยู่ทางทิศเหนือ ก็ควรต้องเลือกสีพรมอ่อน ๆ ที่ดูสว่าง เป็นต้น
เมื่อรู้จักวัสดุของพรมปูพื้นชนิดต่าง ๆ และเข้าใจหลักการเลือกพรมแต่งบ้านอย่างคร่าว ๆ แล้ว ทีนี้ก็สามารถตัดสินใจเลือกพรมที่ใช่และเหมาะกับบ้านได้แล้ว ซึ่งพรมปูพื้นห้องแต่ละห้องนั้น อาจจะมีแบบ สีสัน และวัสดุที่ต่างชนิดกัน เพราะนอกจากจะคำนึงถึงดีไซน์แล้ว วัตถุประสงค์การใช้งานแต่ละห้องที่แตกต่างกัน ก็จะมีหลักการเลือกพรมปูพื้นที่เหมาะสมกับห้องต่าง ๆ เหล่านั้นต่างกันไปด้วย เพราะฉะนั้นต้องคิดให้ดีก่อนตัดสินใจ จะได้พรมที่ใช่และถูกใจแน่นอน